ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานภาค 3 บูรณาการร่วมกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 35 หน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ฝ่ายปกครอง กู้ภัย เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์
เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานภาค 3 ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ โดย เมื่อเวลา 09.00 น. นายจักรพรรณ สุวรรณภักดี นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง สมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 3 องค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำฉลอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และประชาชนจิตอาสา ร่วมลงพื้นที่ตำบลถ้ำฉลองเพื่อสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากพายุบัวลอย ซึ่งทำให้บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมเสียหาย จำนวน 80 หลังคาเรือน
ต่อมาในเวลา 13.00 น. นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง สมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 3 องค์การบริหารส่วนตำบลแสนตอ องค์การบริหารส่วนตำบลหาดงิ้ว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนจิตอาสา รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมปฏิบัติการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยในเขตตำบลแสนตอและตำบลหาดงิ้ว โดยได้รับการสนับสนุนรถฉีดน้ำจากเทศบาลตำบลผาจุก เทศบาลตำบลงิ้วงาม องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ และเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ เพื่อทำความสะอาดถนนและบ้านเรือนราษฎร
ทั้งนี้ ในพื้นที่อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จากรายงานเบื้องต้น 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 4 ตำบลแสนตอ หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 10 ตำบลหาดงิ้ว พบว่ามีบ้านเรือนประชาชนเสียหายจากน้ำท่วมเพิ่มเติมอีก 140 หลังคาเรือน ซึ่งนายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
จากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ น้ำป่าไหลหลาก ทำให้น้ำท่วมฉับพลันในหลายอำเภอ ได้แก่ อำเภอน้ำปาด อำเภอท่าปลา อำเภอทองแสนขัน และอำเภอตรอน ทำให้มวลน้ำดังกล่าวไหลลงสู่แม่น้ำน่าน และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริมแม่น้ำ ริมตลิ่งในพื้นที่อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งฝ่ายปกครองอำเภอพิชัย ได้แจ้งให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และอพยพย้ายออก โดยเฉพาะผู้ป่วย เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ
ขณะที่เมื่อเวลา 22.13 น. บริเวณสี่แยกน้ำอ่าง มีน้ำท่วมสูง ถนนทางหลวงหมายเลข 11 อุตรดิตถ์-พิษณุโลก รถเล็กไม่สามารถขับผ่านไปได้ และในช่วงเช้าของวันที่ 1 ตุลาคม 2568 บริเวณ แยกน้ำอ่าง จังหวัดอุตรดิตถ์ ระดับน้ำลดลงกลับมาใช้สัญจรได้ตามปกติแล้ว
ขณะที่หน่วยกู้ภัยจากหลากหลายหน่วยงาน บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง และหน่วยทหาร เข้าช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง และชาวบ้านติดเกาะ จำนวน 40 ราย บ้านนากลุำ่ ตำบลน้ำไคร่ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ รวมถึงหน่วยกู้ภัยพิษณุโลก มูลนิธิประสาทบุญสถาน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครและเรือกู้ภัย เข้าช่วยเหลือชาวบ้านตำบลน้ำอ่าง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ ก่อนระดับน้ำสูงเพิ่มขึ้นภายหลัง
นอกจากนี้ตำรวจจิตอาสาภัยพิบัติ หน่วยกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 316 ได้เข้าทำการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในหลายอำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์ อย่างสุดความสามารถ และจะเข้าทำการฟื้นฟูต่อไปเมื่อน้ำลดเข้าสู่สภาวะระดับปกติ
เนื่องด้วยช่วงเวลากลางคืนของวันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึงวันอังคารที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. อำเภอท่าปลา ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” มีฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอท่าปลา และได้รับรายงานจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ อำเภอท่าปลา ว่ามีพื้นที่ได้รับผลกระทบและราษฎรได้รับความเดือดร้อน และมีสิ่งสาธารณประโยชน์เสียหาย ซึ่งนายอำเภอท่าปลา ปลัดอำเภอท่าปลา สมาชิกร้อย อส.อ.ท่าปลา ที่ 6 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้สำรวจความเสียหาย และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น ดังนี้
ตำบลท่าปลา
โดยได้รับผลกระทบ 12 หมู่บ้าน ได้แก่ น้ำเข้าท่วมบ้านและดินสไลด์เข้าบ้าน จำนวน 271 หลังคาเรือน , แพร้านอาหาร แพที่อยู่อาศัย จำนวน อยู่ระหว่างการสำรวจ แห่ง , ถนน 3 สาย, และพื้นที่ทางการเกษตร อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 ราย ชื่อ นายประกาย กันทา อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 ม.12 ต.ท่าปลา ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขวางทางน้ำ เพื่อไปดูวัว ในพื้นที่ ม.2 ต.ท่าปลา เส้นทางหลังร้านเฮียเทพการเกษตรช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. – 05.00 น. โดยได้นำร่างผู้เสียชีวิตส่งตรวจสอบที่โรงพยาบาลท่าปลาต่อไป
ตำบลหาดล้า
โดยได้รับผลกระทบ จำนวน 9 หมู่บ้าน ได้แก่ น้ำเข้าท่วมบ้านและดินสไลด์เข้าบ้าน จำนวน 76 หลังคาเรือน สิ่งสาธารณประโยชน์ และพื้นที่ทางการเกษตร อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
ตำบลจริม
โดยได้รับผลกระทบ 13 หมู่บ้าน ได้แก่ น้ำเข้าท่วมบ้านและดินสไลด์เข้าบ้าน จำนวน 289 หลังคาเรือน , สิ่งสาธารณประโยชน์ และพื้นที่ทางการเกษตร อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
ตำบลร่วมจิต
โดยได้รับผลกระทบ 9 หมู่บ้าน ได้แก่ น้ำเข้าท่วมบ้านและดินสไลด์เข้าบ้าน จำนวน 250 หลังคาเรือน , ถนน 6 สาย, และพื้นที่ทางการเกษตร อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
ตำบลนางพญา
โดยได้รับผลกระทบ 4 หมู่บ้าน ได้แก่ น้ำเข้าท่วมบ้านและดินสไลด์เข้าบ้าน จำนวน 1 หลังคาเรือน , สิ่งสาธารณประโยชน์ และพื้นที่ทางการเกษตร อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
ตำบลผาเลือด
โดยได้รับผลกระทบ 13 หมู่บ้าน ได้แก่ น้ำเข้าท่วมบ้านและดินสไลด์เข้าบ้าน จำนวน 10 หลังคาเรือน , ถนน 5 สาย , เสาไฟฟ้า 10 ต้น และพื้นที่ทางการเกษตร อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
ตำบลน้ำหมัน
โดยได้รับผลกระทบ 10 หมู่บ้าน ได้แก่ น้ำเข้าท่วมบ้านและดินสไลด์เข้าบ้าน จำนวน 7 หลังคาเรือน , สิ่งสาธารณประโยชน์ และพื้นที่ทางการเกษตร อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเบื้องต้น เสียชีวิต 1 ราย จำนวน 7 ตำบล 70 หมู่บ้าน บ้านเรือน 904 หลังครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตร อยู่ระหว่างการสำรวจ
นอกจากนั้น เวลา 21.00 น. กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 20 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 21 พร้อมด้วยกำลังพลจิตอาสาภัยพิบัติและยุทโธปกรณ์ของหน่วย ร่วมกับส่วนราชการอำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือประชาชน ในเขตพื้นที่อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ประสบปัญหาจากเหตุพายุโซนร้อน “บัวลอย” ส่งผลให้ระดับน้ำในคูคลองเพิ่มสูงขึ้น เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ทำให้ประชาชนติดอยู่ภายในบ้านเรือนไม่สามารถออกมาได้ ทางหน่วยจึงจัดกำลังพลเข้าช่วยเหลือโดยด่วน และพาประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย และหน่วยยังได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และประสานผู้นำหมู่บ้าน, ผู้นำชุมชน จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง แจ้งให้ชาวบ้านเตรียมพร้อมรับมือต่อสถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้น และทางหน่วยจะประสานกับส่วนราชการอื่นๆ ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยต่อไป
ขณะเดียวกัน กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 20 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 21 จัดกำลังพลจิตอาสาภัยพิบัติ ร่วมกับ ฝ่ายปกครองท้องที่ ท้องถิ่น ลงพื้นที่ วัดศรีสะอาด อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พายุบัวลอย
จากนั้น กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 20 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 21 พร้อมด้วยกำลังพลจิตอาสาภัยพิบัติและยุทโธปกรณ์ของหน่วย ร่วมกับส่วนราชการอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือประชาชน ในเขตพื้นที่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ประสบปัญหาจากเหตุพายุโซนร้อน “บัวลอย” ส่งผลให้ระดับน้ำในคูคลองเพิ่มสูงขึ้น เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ต้นไม้หักโค่น สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และบ้านเรือนของประชาชน ทางหน่วยจึงจัดกำลังพลเข้าช่วยเหลือ และเร่งฟื้นฟูบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ และหน่วยยังได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และประสานผู้นำหมู่บ้าน, ผู้นำชุมชน จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง แจ้งให้ชาวบ้านเตรียมพร้อมรับมือต่อสถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้น และทางหน่วยจะประสานกับส่วนราชการอื่นๆ ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยต่อไป
ต่อมา กองพันทหารม้าที่ 7 กรมทหารม้าที่ 2 ลงพื้นที่ เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ หมู่ 8 และ หมู่ 2 บ้านนากล่ำ ตำบลน้ำไคร้ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 35 มอบหมายให้ กองร้อยช่วยเหลือประชาชน กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 20 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 21 ร่วมกับ อำเภอตรอน ดำเนินการขนย้ายเครื่องมือทางการแพทย์ ณ โรงพยาบาลตรอน อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื่องจากมีมวลน้ำที่สูงขึ้นเอ่อท่วมโรงพยาบาลตรอน และทำการอพยพ ประชาชน 40-50 คน จากวัดมงคลนิมิตร ไป ศูนย์อพยพ วัดชำทอง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ สถาณการณ์ปัจจุบัน น้ำค่อยๆขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ต่อมา พันเอก ชาตรี สงวนธรรม รองผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 35 นำกำลังพล ลงพื้นที่ ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอทองแสนขัน ซึ่งน้ำเริ่มลดระดับลง โดยได้ จัดกำลังพลและรถบรรทุกน้ำลงช่วยฟื้นฟูบ้านเรือน ประชาชน และสถานที่ราชการ ตลาด ร่วมกับ เทศบาลตำบลทองแสนขัน ในพื้นที่เขตเทศบาล ตำบลทองแสนขัน อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้งนี้ ได้มีรถประกอบอาหารจากมูลนิธิเพชรเกษมร่วมกับกาชาด จ.อุตรดิตถ์ เข้ามาประกอบอาหารให้แก่ประชาชนในพื้นที่อย่างเพียงพอ
แล ะกองพันทหารม้าที่ 7 กรมทหารม้าที่ 2 จัดกำลังพล จำนวน 50 นาย ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก ออกจากพื้นที่เสี่ยงมายังพื้นที่ปลอดภัยบริเวณศูนย์พักพิง ปัจจุบันสามารถ นำประชาชนที่ตกค้าง ออกมายังพื้นที่ปลอดภัยได้ทั้งหมด พร้อมทั้งนำจิตอาสาภัยพิบัติ ช่วยเหลือประชาชน ฉีดล้างทำความสะอาดบ้าน และ ร่วมค้นหาประชาชนผู้สูญหายปัจจุบันพบศพแล้ว 1 รายเพศหญิง (อยู่ในระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคล)ค งเหลือสูญหายจำนวน 4 ราย
ไม่ใช่มีเพียงทหารที่ออกไปช่วยเหลือประชาชน โดย สถานีตำรวจภูธรท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ จัดกำลังพลชุดจิตอาสาภัยพิบัติ และชุดตำรวจมวลชนสัมพันธ์สถานีตำรวจภูธรท่าปลา ออกสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทุกภัย ช่วยเหลือประชาชนและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้รับประชาชน ณ หมู่ที่ 6 บ้านหนองย่ารำ ตำบลร่วมจิต อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์
ส่วนสถานีตำรวจภูธรฟากท่า นำตำรวจจิตอาสาภัยพิบัติสถานีตำรวจภูธรฟากท่า ได้นำแผงเหล็กติดป้ายประชาสัมพันธ์ ระวังทางข้างหน้ามีน้ำท่วม โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทาง เนื่องจากน้ำท่วมบริเวณสะพานห้วยไข่เขียด ซึ่งเป็นถนนสายรองระหว่างหมู่บ้านปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นและท่วมบริเวณสะพาน ไม่สามารถสัญจรได้
ต่อจากนั้น ตำรวจจิตอาสาสถานีตำรวจภูธรน้ำปาด พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรน้ำปาด มอบน้ำดื่มบรรเทาความเดือดร้อน แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม และเจ้าหน้าที่ที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ บ้านนากล่ำ ,บ้านปางเกลือ ,บ้านห้วยแมง ตำบลน้ำไคร้ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์